ดีท็อกซ์ ร่างกาย ด้วยอาหารเสริม มีอะไรบ้าง

ดีท็อกซ์ ร่างกาย

ดีท็อกซ์ ร่างกาย กลายเป็นคำที่คุ้นหูมากขึ้นเพราะผู้คนความสำคัญ กับการดูแลตัวเองจากภายใน หลายคนเริ่มหาวิธีฟื้นฟูร่างกาย หลังจากเผชิญกับความเครียดสารพิษ อากาศ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต ที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ การดีท็อกซ์ไม่ใช่เพียงแค่การล้างลำไส้ แต่คือกระบวนการส่งเสริมให้ร่างกายขับของเสียอย่างเป็นธรรมชาติ

  • ความหมายของการ Detoxification
  • วิธีดีท็อกซ์ร่างกายด้วยตัวเอง
  • แนะนำอาหารเสริมช่วยดีท็อกซ์

ความหมายของการ Detoxification

ดีท็อกซ์ ร่างกาย

ดีท็อกซ์ ร่างกาย หรือ Detoxification คือกระบวนการกำจัดสารพิษ หรือของเสียออกจากร่างกาย ซึ่งร่างกายของมนุษย์ มีระบบการขับของเสียตามธรรมชาติอยู่แล้ว ได้แก่

  • ตับ ช่วยกรอง และเปลี่ยนของเสีย ให้ขับออกได้
  • ไต ช่วยกรองเลือด และขับของเสีย ออกทางปัสสาวะ
  • ลำไส้ ช่วยขจัดกากอาหาร และสิ่งตกค้าง
  • ผิวหนัง และปอด ช่วยขับของเสียผ่านเหงื่อ และลมหายใจ

สาเหตุที่ร่างกายสะสมสารพิษ

แม้ร่างกายจะมีระบบล้างพิษโดยธรรมชาติ แต่ด้วยสภาพแวดล้อม และพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป ทำให้ร่างกายอาจได้รับสารพิษ เกินกว่าที่จะขับออกได้ทัน เช่น

  • การบริโภคอาหารแปรรูป อาหารทอด หรืออาหารที่มีสารเคมีเจือปน
  • การดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • ความเครียดเรื้อรังที่ส่งผลต่อระบบเผาผลาญ
  • การได้รับมลพิษทางอากาศ หรือสารเคมี จากเครื่องสำอาง

สัญญาณที่บอกว่าควรเริ่มดีท็อกซ์

  • ท้องอืด ท้องผูก ระบบย่อยอาหารไม่ดี
  • รู้สึกเหนื่อยล้า ไม่สดชื่น แม้จะพักผ่อนเพียงพอ
  • ผิวพรรณหมองคล้ำ มีสิวหรือผื่นขึ้น
  • นอนหลับไม่สนิท หรือมีอาการนอนไม่หลับ
  • ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เป็นหวัดบ่อย

วิธีดีท็อกซ์ร่างกายด้วยตัวเอง

  • เข้านอนให้เร็วขึ้น ตื่นให้เช้าขึ้น การนอนหลับเพียงพอ (7–8 ชั่วโมง) และตื่นเช้า ช่วยให้ร่างกายมีเวลาฟื้นฟูและขับสารพิษ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • บ้วนปากด้วยน้ำมันมะพร้าว การกลั้วปากด้วยน้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ ประมาณ 5–20 นาที ช่วยกำจัดแบคทีเรีย และสารพิษในช่องปาก
  • ขูดลิ้น การขูดลิ้นหลังตื่นนอน ช่วยขจัดคราบแบคทีเรีย และสารพิษที่สะสมบนลิ้น ซึ่งเป็นสาเหตุ ของกลิ่นปาก
  • ขัดผิวขณะที่ผิวแห้ง การขัดผิวด้วยแปรง ขณะผิวแห้งก่อนอาบน้ำ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และระบบน้ำเหลือง
  • ออกกำลังกาย การออกกำลังกายตอนเช้า ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ และขับสารพิษผ่านเหงื่อ
  • ดื่มน้ำมะนาว การดื่มน้ำอุ่นผสมน้ำมะนาวในตอนเช้า ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย และล้างสารพิษในร่างกาย
  • รับประทานอาหารเช้าที่ดี การเลือกอาหารเช้าที่มีไฟเบอร์สูงเช่น Smoothies ผัก ข้าวโอ๊ต หรือผลไม้ ช่วยส่งเสริมการขับถ่าย และล้างพิษ
  • ดื่มชาเขียว ชาเขียวมีสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ ช่วยในการล้างสารพิษ
  • ทำสมาธิ การนั่งสมาธิในตอนเช้าช่วยลดความเครียด ซึ่งส่งผลดี ต่อระบบย่อยอาหาร และการขับถ่าย

ที่มา: 9 วิธีดีท็อกซ์ร่างกาย ล้างพิษยามเช้า รับสุขภาพสุดปังทั้งกายและใจ [1]

แนะนำอาหารเสริมช่วยดีท็อกซ์

มีวิธีฟื้นฟูลําไส้อย่างไรบ้าง?

  • รับประทานอาหาร ที่มีไฟเบอร์สูง อาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่นผัก ผลไม้ และธัญพืช ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ และส่งเสริมการเจริญเติบโต ของจุลินทรีย์ที่ดี
  • บริโภคอาหาร ที่มีโพรไบโอติกส์ และพรีไบโอติกส์ โพรไบโอติกส์ (เช่น โยเกิร์ต กิมจิ) และพรีไบโอติกส์ (เช่น กล้วย กระเทียม) ช่วยเสริมสร้างสมดุล ของจุลินทรีย์ในลำไส้
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำอย่างเพียงพอ ช่วยให้ระบบย่อยอาหาร ทำงานได้ดี และป้องกันอาการท้องผูก
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การออกกำลังกาย ช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
  • ลดความเครียด ความเครียดสามารถส่งผล ต่อการทำงานของลำไส้ การฝึกสมาธิ หรือการทำกิจกรรม ที่ช่วยผ่อนคลาย สามารถช่วยลดความเครียดได้
  • หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารแปรรูป และน้ำตาลสูง อาหารแปรรูป และน้ำตาลสูง สามารถทำลายสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้
  • นอนหลับให้เพียงพอ การนอนหลับอย่างเพียงพอ ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟู และรักษาสมดุล ของระบบต่างๆ รวมถึงลำไส้

ที่มา: เคล็ดลับวิธีฟื้นฟูลำไส้ ดูแล Gut Health เพราะบอดี้ดี เริ่มที่ลำไส้ [2]

บทสรุป ดีท็อกซ์ ร่างกาย

การดีท็อกซ์ร่างกาย ไม่ใช่เพียงแค่เทรนด์ แต่เป็นแนวทางที่สามารถปรับใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อช่วยให้ระบบภายใน ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ การเลือกวิธี และอาหารเสริมที่เหมาะสม ปลอดภัย และอิงหลักโภชนาการ จะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัว จากการสะสมของสารพิษในระยะยาวได้อย่างยั่งยืน

ดีท็อกซ์ควรจะกินเวลาไหน?

การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม ในการรับประทานดีท็อกซ์ สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ในการขับสารพิษ และส่งเสริมสุขภาพโดยรวม ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วงเวลาที่แนะนำ มีดังนี้

  • ช่วงเช้า (05.00–12.00 น.) การรับประทานดีท็อกซ์ ในช่วงเช้า ขณะท้องว่าง หรือก่อนมื้อเช้า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก และลดพุง เนื่องจากเป็นช่วงเวลา ที่ลำไส้ใหญ่ เริ่มขับกากอาหารออกจากร่างกาย ​
  • ช่วงบ่าย (13.00–15.00 น.) เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหา ในเรื่องของระบบย่อย ในลำไส้เล็ก การรับประทานดีท็อกซ์ในช่วงนี้ ช่วยกระตุ้นการย่อยอาหาร และการดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น ​
  • ช่วงเย็น หรือก่อนนอน การรับประทานดีท็อกซ์ หลังอาหารมื้อค่ำ หรือก่อนเข้านอน ช่วยดึงเอาของเสีย และสิ่งที่ตกค้างในร่างกายออกมา ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังช่วยกระตุ้นระบบการขับถ่าย และเพิ่มความสดชื่น ในยามเช้าได้ดี ​

ที่มา: ไฟเบอร์ดีท็อกซ์คืออะไร และกินตอนไหนถึงจะดีที่สุด [3]

ข้อควรระวังการดีท็อกซ์ร่างกาย

  • หลีกเลี่ยงการอดอาหารรุนแรง หรือดื่มแต่น้ำเปล่าเพียงอย่างเดียว
  • ระวังการใช้ยาระบายหรือสมุนไพร ที่ทำให้ถ่ายบ่อยเกินไป อาจรบกวนสมดุลเกลือแร่
  • หากมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ ก่อนเริ่มโปรแกรมดีท็อกซ์
Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง