ซีแซนทีน สารประกอบธรรมชาติ ช่วยดูแลดวงตา

ซีแซนทีน

ซีแซนทีน (Zeaxanthin) เป็นหนึ่งในสารประกอบธรรมชาติ ที่ได้รับความสนใจอย่างมาก ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในวงการสุขภาพ และการดูแลดวงตา ซีแซนทีนไม่ได้จำกัดเฉพาะประโยชน์ด้านสุขภาพดวงตาเท่านั้น แต่ยังมีคุณสมบัติอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย บทความนี้จะพาไปสำรวจข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับซีแซนทีน

โครงสร้างคุณสมบัติของ ซีแซนทีน

ซีแซนทีนเป็นสารประกอบประเภทแคโรทีนอยด์ ที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) โครงสร้างทางเคมีของซีแซนทีน ประกอบด้วยวงแหวน Isoprene ที่มีพันธะคู่ ซึ่งช่วยดูดซับแสง ในช่วงความยาวคลื่นเฉพาะ ซึ่งทำให้สารนี้มีสีสันสดใส และมีความสามารถ ในการปกป้องเซลล์ จากความเสียหาย ที่เกิดจากอนุมูลอิสระ

ประโยชน์ของซีแซนทีน ต่อสุขภาพหลายด้าน

  • ซีแซนทีนช่วยเสริมสุขภาพดวงตา ซีแซนทีนเป็นส่วนประกอบสำคัญของจอประสาทตา โดยเฉพาะในบริเวณ Macula ซึ่งช่วยการกรองแสงสีน้ำเงินและปกป้องดวงตา จากความเสียหายที่เกิดจากแสงแดด และอุปกรณ์ดิจิทัล นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยง ของโรคจอประสาทตาเสื่อม
  • ลดการอักเสบในร่างกาย ด้วยคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซีแซนทีนสามารถลดการอักเสบในเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยง ของโรคเรื้อรัง เช่นโรคหัวใจ และหลอดเลือด รวมถึงโรคเบาหวาน
  • เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ซีแซนทีนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ของระบบภูมิคุ้มกัน โดยการลดความเสียหายของเซลล์ และช่วยให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อโรค ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ปกป้องผิวจากรังสียูวี นอกจากประโยชน์ต่อดวงตาแล้ว ซีแซนทีนยังช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวี โดยลดความเสียหายของเซลล์ผิวหนัง และช่วยลดความเสี่ยง ของการเกิดมะเร็งผิวหนัง

ซีแซนทีน ช่วยป้องกันจอประสาทตาเสื่อมอย่างไร

ซีแซนทีนเป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ที่มีบทบาทสำคัญในการป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อม (Age-related Macular Degeneration หรือ AMD) โดยทำหน้าที่ดังนี้

  • กรองแสงสีฟ้า: ซีแซนทีนสะสมอยู่ในบริเวณจุดรับภาพ ของจอประสาทตา (Macula) ซึ่งมีหน้าที่กรองแสงสีฟ้า ที่มีพลังงานสูง และเป็นอันตรายต่อเซลล์รับแสง การกรองแสงนี้ ช่วยลดความเสียหาย ที่อาจเกิดขึ้นกับจอประสาทตา
  • ต้านอนุมูลอิสระ: ซีแซนทีนมีคุณสมบัติ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยป้องกันเซลล์รับแสง จากความเสียหาย ที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้เกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม
  • ลดความเสี่ยงของ AMD: การบริโภคซีแซนทีนร่วมกับ ลูทีน (Lutein) ซึ่งเป็นแคโรทีนอยด์อีกชนิดหนึ่ง สามารถลดความเสี่ยง ในการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมได้ โดยการสะสม ของสารทั้งสอง ในจอประสาทตา ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพ ของเซลล์รับแสง

นอกจากนี้ มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า การเสริมลูทีน และซีแซนทีน ในผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อมระยะเริ่มต้น สามารถเพิ่มความสามารถ ในการมองเห็นได้ [1]

อาการจอประสาทตาเสื่อม มีอาการอย่างไร

  • การมองเห็นส่วนกลางลดลง: ผู้ป่วยอาจเห็นจุดดำ หรือเงามืดตรงกลางภาพ ทำให้กิจกรรมที่ต้องใช้การมองเห็นส่วนกลาง เช่นการอ่าน การเขียน หรือการจดจำใบหน้า เป็นเรื่องยาก
  • การมองเห็นภาพบิดเบี้ยว: เส้นตรงอาจปรากฏเป็นเส้นโค้ง หรือคลื่น ทำให้การมองเห็นผิดเพี้ยน
  • การมองเห็นในที่สว่าง หรือที่มืดไม่ดี: อาจใช้เวลาปรับสายตา เมื่อเปลี่ยนจากที่มืด ไปยังที่สว่าง หรือในทางกลับกัน
  • การรับรู้สีลดลง: ผู้ป่วยอาจรู้สึกว่า การมองเห็นสีผิดเพี้ยน หรือจางลง
  • การมองเห็นแสงจ้าหรือแสงสลัว: การมองเห็นในที่ที่มีแสงจ้าเกินไป หรือแสงน้อยเกินไป อาจไม่ชัดเจน

ที่มา: จอประสาทตาเสื่อม สูงวัยทำอย่างไร [2]

 

วิธีรับประทาน ซีแซนทีน ควรกินตอนไหน

ซีแซนทีนเป็นสารที่ละลายในไขมัน (Fat-soluble compound) ซึ่งหมายความว่า การดูดซึมซีแซนทีน เข้าสู่กระแสเลือด จำเป็นต้องใช้ไขมันเป็นตัวช่วย เพื่อให้ร่างกาย นำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การรับประทานซีแซนทีน ควรคำนึงถึงปัจจัยดังนี้

  • รับประทานพร้อมมื้ออาหาร ที่มีไขมันดี ไขมันดี เช่นน้ำมันมะกอก น้ำมัน Avocado ถั่วเปลือกแข็ง และปลาไขมันสูง จะช่วยให้ซีแซนทีน ถูกดูดซึมได้ดีขึ้น คุณสามารถเพิ่มไขมันดีในมื้ออาหารได้ง่ายๆ เช่นเติมน้ำมันมะกอกในสลัดผัก หรือรับประทานซีแซนทีน พร้อมไข่ต้ม ที่มีไขมันธรรมชาติจากไข่แดง
  • มื้ออาหารที่ควรหลีกเลี่ยง การรับประทานซีแซนทีน ในมื้ออาหารที่ไม่มีไขมันเลย เช่นมื้ออาหารที่เน้นผักผลไม้ แบบไขมันต่ำ อาจทำให้การดูดซึมซีแซนทีนลดลง นอกจากนี้ หากรับประทานพร้อมอาหารที่มีไขมันทรานส์ หรือไขมันอิ่มตัวสูง อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว แม้จะช่วยดูดซึมซีแซนทีนก็ตาม
  • ช่วงเวลาที่เหมาะสม เวลาที่ดีที่สุด ในการรับประทานซีแซนทีน คือช่วงมื้ออาหารหลัก เช่นมื้อเช้า กลางวัน หรือเย็น โดยควรเลือกมื้อที่สามารถเพิ่มอาหารที่มีไขมันดีได้ง่าย เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึม
  • หลีกเลี่ยงการรับประทาน ขณะท้องว่าง หากรับประทานซีแซนทีนในขณะท้องว่าง อาจทำให้การดูดซึมลดลง เนื่องจากขาดไขมันที่จำเป็น ในการช่วยให้สารละลายในไขมัน เข้าสู่ระบบย่อยอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มา: ลูทีน-ซีแซนทีน อาหารของดวงตา [3]

อาหารที่มี ซีแซนทีน สูงและปริมาณ

ซีแซนทีน

อาหารที่มีซีแซนทีนสูง และปริมาณโดยประมาณ (ต่อ 100 กรัม) มีดังนี้

  • ผักใบเขียวเข้ม: คะน้า: 10,000 ไมโครกรัม ปวยเล้ง: 12,000 ไมโครกรัม
  • พืชสีเหลือง และส้ม: ข้าวโพด: 350 microgram ฟักทอง: 2,100 microgram
  • ผลไม้สีส้ม: ส้ม: 150 มคก. มะม่วง: 90 มคก.
  • ไข่แดง: ไข่แดง: 210 ไมโครกรัมต่อฟองขนาดกลาง
  • พริกหวานสีเหลืองและส้ม: พริกหวานสีเหลือง 1,000 mcg. พริกหวานสีส้ม 800 mcg.

ปริมาณซีแซนทีน อาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความสดของอาหาร และกระบวนการปรุง

สรุป ซีแซนทีน ดูแลดวงตา ประโยชน์หลากหลาย

ซีแซนทีนเป็นสารอาหาร ที่มีประโยชน์หลากหลาย โดยเฉพาะในด้านการดูแลดวงตา และการปกป้องร่างกายจากอนุมูลอิสระ การบริโภคซีแซนทีน สามารถทำได้จากแหล่งธรรมชาติ เช่นผักและผลไม้ หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อให้ได้รับปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละวัน

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน
Picture of Wellness Whisperer
Wellness Whisperer

แหล่งอ้างอิง