ซิลิก้า ช่วยอะไร ด้านเส้นผม เล็บ และผิวพรรณ

ซิลิก้า ช่วยอะไร

ซิลิก้า ช่วยอะไร หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อซิลิก้า ผ่านผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แต่ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าซิลิก้ามีประโยชน์ที่สำคัญต่อร่างกายในหลายด้าน ตั้งแต่สุขภาพผิวพรรณ เส้นผม เล็บ ไปจนถึงกระดูกและข้อต่อ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับซิลิก้าในทุกด้าน ตั้งแต่ หน้าที่ ไปจนถึงแหล่งอาหาร และความสำคัญ

แร่ธาตุ Silica คืออะไร?

Silica หรือซิลิคอนไดออกไซด์ (SiO2) เป็นสารประกอบทางเคมี ที่ประกอบด้วยซิลิคอน และออกซิเจน ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่พบได้ทั่วไปในธรรมชาติ ร่างกายมนุษย์มีซิลิก้าเป็นองค์ประกอบสำคัญ ในเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เช่นผิวหนัง กระดูก กระดูกอ่อน เส้นผม และเล็บ

ซิลิก้ามีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เนื้อเยื่อเกี่ยวพันเหล่านี้แข็งแรงและยืดหยุ่น โดยเฉพาะในกระบวนการสังเคราะห์คอลลาเจน [1]

แร่ธาตุ ซิลิก้า ช่วยอะไร ในร่างกาย?

  • ซิลิก้า ช่วยอะไร ซิลิก้าเป็นองค์ประกอบสำคัญ ที่ช่วยบำรุงผม เสริมสร้างโครงสร้างเส้นผมให้แข็งแรง เงางาม และลดปัญหาผมขาดหลุดร่วง กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ไปยังหนังศีรษะ ทำให้รูขุมขนแข็งแรง และเสริมสร้างเส้นผม ให้มีสุขภาพดี
  • เสริมสร้างเล็บให้แข็งแรง เล็บเปราะ แตกหักง่าย อาจเกิดจากการขาดซิลิก้า เนื่องจากซิลิก้ามีส่วนช่วยในกระบวนการสร้างเคราติน ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญ ที่ช่วยให้เล็บมีความแข็งแรง และยืดหยุ่น ลดโอกาสการฉีกขาดของเล็บได้
  • บำรุงกระดูก และข้อ ซิลิก้ามีบทบาทสำคัญ ในการพัฒนา และรักษาความแข็งแรงของกระดูก โดยช่วยในการดูดซึมแคลเซียม เข้าสู่กระดูก ลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน และช่วยรักษาความแข็งแรงของข้อต่อ
  • บำรุงสุขภาพผิวพรรณ ซิลิก้าช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญ ที่ช่วยให้ผิวเต่งตึง ชุ่มชื้น และลดริ้วรอยก่อนวัย นอกจากนี้ ยังช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น และทำให้ผิวหนังแข็งแรง
  • เสริมสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เช่นเอ็น กระดูกอ่อน และกล้ามเนื้อ ล้วนต้องการซิลิก้า ในการเสริมสร้างความแข็งแรง และความยืดหยุ่น โดยเฉพาะนักกีฬา หรือผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ จะได้รับประโยชน์จากซิลิก้า ในการช่วยป้องกันการบาดเจ็บ ของข้อต่อและกล้ามเนื้อ

ที่มา: The benefits of Silica [2]

แหล่งอาหารใดที่มีซิลิก้าสูง?

ซิลิก้า ช่วยอะไร

ซิลิก้าสามารถพบได้ในอาหารหลากหลายประเภท โดยเฉพาะอาหารจากพืช ได้แก่

  • ธัญพืชเต็มเมล็ด เช่นข้าวโอ๊ต ข้าวกล้อง และข้าวไรย์
  • ผักใบเขียว เช่นผักโขม คะน้า และบรอกโคลี
  • ผลไม้ เช่นกล้วย แตงกวา และสตรอว์เบอร์รี
  • เมล็ดพืชและถั่ว เช่นเมล็ดแฟลกซ์ เมล็ดเจีย และอัลมอนด์
  • สารสกัดจากหญ้าหางม้า (Horsetail Extract) เป็นแหล่งซิลิก้าธรรมชาติ ที่พบในพืช

ที่มา: ซิลิกา สารอาหารสำคัญที่โลกลืม [3]

 

ซิลิก้าในรูปแบบอาหารเสริม

ซิลิก้าในอาหารเสริม มีหลายรูปแบบ ที่สามารถเลือกใช้ได้ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ด้านสุขภาพ แต่ละรูปแบบมีข้อดี ที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • ซิลิก้าจากสารสกัดธรรมชาติ เช่นสารสกัดจากไผ่ (Bamboo Silica) มีปริมาณซิลิก้าสูง ดูดซึมได้ดี และนิยมใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อเสริมสร้างเส้นผม เล็บ และกระดูก สารสกัดจากหญ้าหางม้า (Horsetail Extract) มีซิลิก้าธรรมชาติ พร้อมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและแร่ธาตุอื่นๆ ช่วยบำรุงผิว ผม และเล็บ
  • ซิลิก้าในรูปแบบซิลิคอนไดออกไซด์ (Silicon Dioxide, SiO₂) เป็นซิลิก้าสังเคราะห์ ที่ใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารเสริม ช่วยเพิ่มความคงตัวของผลิตภัณฑ์ มีบทบาทเป็นตัวป้องกันการจับตัวเป็นก้อน ในผงอาหารเสริม
  • ซิลิก้าในรูปของกรดออร์โธซิลิซิก (Orthosilicic Acid, OSA) เป็นรูปแบบที่ดูดซึมได้ดี และมีการศึกษาพบว่าช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และเสริมสุขภาพข้อต่อ กระดูก และผิวหนัง
  • ซิลิก้าในรูปของซิลิก้าเจล (Silica Gel) เป็นของเหลวที่สามารถผสมลงในเครื่องดื่ม หรือรับประทานโดยตรง นิยมใช้ในสูตรเสริมสร้างผิวและเล็บ

ซิลิก้าทานร่วมกับอะไรดี?

การทานซิลิก้าร่วมกับสารอาหารอื่นๆ สามารถช่วยเสริมประสิทธิภาพ ในการบำรุงเส้นผม และเล็บให้แข็งแรงขึ้น โดยแนะนำให้ทานร่วมกับสารอาหารต่อไปนี้

  • ไบโอติน (Biotin, Vitamin B7) ช่วยเสริมสร้างเคราติน (Keratin) ซึ่งเป็นโปรตีนหลักของเส้นผม และเล็บ
    ลดผมขาดหลุดร่วง และช่วยให้เล็บแข็งแรงขึ้น
  • คอลลาเจน (Collagen Peptides) ส่งเสริมสุขภาพของเส้นผม เล็บ และผิวพรรณ กระตุ้นการสร้างโปรตีนเคราติน และช่วยให้เล็บแข็งแรง ไม่เปราะง่าย
  • วิตามินซี (Vitamin C) ช่วยให้ร่างกายดูดซึมคอลลาเจนได้ดีขึ้น มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องเส้นผมและเล็บจากความเสียหาย
  • สังกะสี (Zinc) จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเส้นผมและเล็บ ลดปัญหาผมร่วง และช่วยให้เล็บมีสุขภาพดีขึ้น
  • วิตามินดี (Vitamin D) กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม และลดการหลุดร่วง ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียม และซิลิก้าได้ดีขึ้น
  • ธาตุเหล็ก (Iron) ช่วยป้องกันภาวะโลหิตจาง ที่อาจทำให้ผมบาง และหลุดร่วงง่าย
  • กรดไขมันโอเมก้า 3 (Omega-3 Fatty Acids) ช่วยให้หนังศีรษะชุ่มชื้น ลดอาการผมแห้ง และแตกปลาย

ซิลิก้าควรกินกี่มิลลิกรัมต่อวัน?

ปริมาณที่แนะนำของซิลิก้า จะแตกต่างกันไปตามแหล่งที่มา โดยทั่วไปแล้ว การได้รับซิลิก้าจากอาหารธรรมชาติ ถือว่าปลอดภัย แต่ในรูปแบบอาหารเสริม ควรอยู่ในช่วง 10-30 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง ที่อาจเกิดขึ้น เช่นปัญหาการดูดซึมแร่ธาตุอื่นๆ หรือผลกระทบต่อไต

สรุป ซิลิก้าบำรุงเส้นผมและเล็บ

ซิลิก้าเป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อสุขภาพร่างกายในหลายด้าน ตั้งแต่การบำรุงเส้นผม เล็บ กระดูก ข้อต่อ ไปจนถึงการช่วยให้ผิวพรรณดูสุขภาพดี แม้ว่าจะสามารถได้รับจากอาหารธรรมชาติ แต่การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีซิลิก้า อาจเป็นตัวเลือกที่ดี สำหรับผู้ที่ต้องการเสริมสร้างสุขภาพเฉพาะทาง

ใครที่ควรทานซิลิก้า?

  • ผู้ที่ต้องการบำรุงเส้นผมและเล็บ ช่วยให้เส้นผมแข็งแรง ลดผมขาดหลุดร่วง และเสริมความแข็งแรงของเล็บ
  • ผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดริ้วรอย และเพิ่มความชุ่มชื้นของผิว
  • ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีปัญหากระดูก และข้อต่อ ซิลิก้าช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก และลดอาการปวดข้อต่อ
  • ผู้ที่ต้องการเสริมสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เหมาะสำหรับนักกีฬา หรือผู้ที่ออกกำลังกายหนัก ลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ
  • ผู้ที่มีปัญหาเหงือกและฟัน ซิลิก้ามีส่วนช่วยเสริมสร้างเคลือบฟัน และลดการอักเสบของเหงือก

ใครที่ไม่ควรทานซิลิก้า?

  • ผู้ที่เป็นโรคไต หรือมีปัญหาเกี่ยวกับไต ซิลิก้าส่วนเกินอาจสะสม และเพิ่มภาระให้ไต
  • ผู้ที่มีแนวโน้มเกิดนิ่วในไต หรือทางเดินปัสสาวะ ซิลิก้าอาจเพิ่มความเสี่ยง ในการก่อตัวของนิ่ว
  • ผู้ที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด ซิลิก้าอาจมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
  • หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ ก่อนรับประทาน เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลที่เพียงพอ เกี่ยวกับความปลอดภัย
  • ผู้ที่แพ้หรือไวต่อซิลิก้า อาจเกิดอาการแพ้ หรือระคายเคืองในระบบทางเดินอาหาร
Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง