คอลลาเจนไทพ์ทู (Collagen Type II) เป็นสารอาหาร ที่เริ่มได้รับความสนใจอย่างมาก ในกลุ่มคนรักสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ที่ใส่ใจเรื่องข้อต่อ และกระดูกอ่อน ไม่ว่าจะเป็นการดูแลปัญหาข้อเสื่อม หรือเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายในระยะยาว คอลลาเจนชนิดนี้ มักถูกพูดถึงในแวดวงผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และงานวิจัยด้านสุขภาพ
คอลลาเจนไทพ์ทูเป็นคอลลาเจนชนิดที่พบได้มาก ในกระดูกอ่อน และข้อต่อ มีโครงสร้างที่แตกต่างจากคอลลาเจนไทพ์อื่นๆ โดยเฉพาะไทพ์หนึ่ง และไทพ์สาม ซึ่งเน้นบำรุงผิวหนัง และเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน คอลลาเจนไทพ์ทูเป็นองค์ประกอบสำคัญ ของกระดูกอ่อนในข้อต่อ
ทำให้สามารถรองรับแรงกระแทก และป้องกันการเสียดสี ระหว่างกระดูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการทานร่วมกับ คอลลาเจนไดเปปไทด์ สามารถเสริมการทำงานของคอลลาเจนไทพ์ทู ในการบำรุงข้อต่อ และกระดูกอ่อน ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
แหล่งที่มาของคอลลาเจนไทพ์ทู จากสัตว์น้ำ เช่นกระดูกอ่อนฉลาม และปลาทะเลน้ำลึก จากสัตว์บกเช่น กระดูกอ่อนไก่ ซึ่งมักพบในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร คอลลาเจนไทพ์ทูมักมาในรูปแบบแคปซูล ผงชงดื่ม หรือเม็ดเจล เป็นวิธีการที่ได้รับความนิยม เนื่องจากสะดวกต่อการบริโภค
คอลลาเจนไทพ์ทูเป็นโปรตีนที่พบมาก ในกระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อ มีบทบาทสำคัญ ในการรักษาความยืดหยุ่น และความแข็งแรงของข้อต่อ การเสริมคอลลาเจนไทพ์ทู จึงเหมาะสำหรับกลุ่มบุคคล ดังต่อไปนี้
ที่มา: คอลลาเจนไทพ์ทู-Collagen Type II [1]
การรับประทานคอลลาเจน ในช่วงเวลาที่เหมาะสม สามารถช่วยให้ร่างกายดูดซึม และนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แนะนำให้รับประทานคอลลาเจน ในช่วงท้องว่าง เช่นตอนเช้าหลังตื่นนอน หรือก่อนนอน เนื่องจากในช่วงเวลานี้ ระบบย่อยอาหารจะสามารถดูดซึมคอลลาเจนได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ การดื่มน้ำตาม หลังการรับประทานคอลลาเจน ยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากคอลลาเจนต้องการสารละลาย เพื่อเข้าสู่ระบบต่างๆ ของร่างกาย และการรับประทานคอลลาเจน ร่วมกับวิตามินซี ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ การดูดซึมได้อีกด้วย [2]
การรับประทานคอลลาเจน ร่วมกับสาร หรืออาหารบางชนิด อาจลดประสิทธิภาพการดูดซึมของคอลลาเจน ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานคอลลาเจน พร้อมกับสิ่งต่อไปนี้
ที่มา: ไขข้อสงสัย คอลลาเจนห้ามกินกับอะไร [3]
ข้อแนะนำในการรับประทานคอลลาเจนไทพ์ทู
ข้อควรระวังในการรับประทานคอลลาเจนไทพ์ทู
คอลลาเจนไทพ์ทูเป็นส่วนประกอบสำคัญ ในการบำรุงข้อต่อ และกระดูกอ่อน ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง เพิ่มความ และลดการอักเสบ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพข้อต่อ ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงวัย ผู้ที่ออกกำลังกายหนัก หรือผู้ที่มีอาการข้อเสื่อมอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารควรพิจารณาคุณภาพ และความปลอดภัย